การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยในปัจจุบันนั้น มีแนวโน้มในการขยายตัวและพัฒนาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากการจัดตั้งนโยบายส่งเสริมการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมของรัฐบาล ที่มีการดำเนินการเริ่มต้นอย่างจริงจังตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 4 อีกทั้งยังมีสาเหตุอันเนื่องมาจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตในประเทศ ที่ได้พัฒนาจากเศรษฐกิจภาคเกษตรกรรมให้เป็นเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมและมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้เศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมสามารถขยายตัวไปยังภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศได้ ควบคู่ไปกับการพัฒนาในด้านการใช้ประโยชน์จากแรงงานมนุษย์ ซึ่งสามารถเห็นได้จากการจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมขึ้นในหลายๆจังหวัดของประเทศไทย ทำให้เกิดกำไรและผลผลิตแก่ผู้ประกอบการ รวมทั้งสามารถสร้างความก้าวหน้าให้แก่เศรษฐกิจส่วนรวมของประเทศชาติได้
จากการที่ผู้คนจำนวนมากในประเทศไทย มีการดำเนินชีวิตเกี่ยวข้องกับงานในโรงงานอุตสาหกรรม งานสร้างเหมืองแร่ หรืออาจจะเป็นสถานประกอบการอื่นๆ ที่จำเป็นต้องใช้แรงงานมนุษย์ในการทำงานร่วมกับเครื่องจักรโดยตรง ทำให้สภาพแวดล้อมของการทำงานมีลักษณะค่อนข้างอันตราย รวมทั้งมีสภาวะการทำงานที่สามารถนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ อาการบาดเจ็บ ความเจ็บป่วยและอาจนำไปสู่การเกิดโรคจากกระบวนการทำงานได้ ซึ่งสาเหตุของอาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้ในหลายลักษณะแตกต่างกันไปจากความประมาท การละเลยในการปฏิบัติตามกฎความปลอดภัย การกระทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือจากการดำเนินงานผิดพลาดจนทำให้เกิดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บขึ้นมาได้ ตัวอย่างเช่น การทำงานที่สัมผัสกับอุณหภูมิร้อนจัดหรือเย็นจัด การสัมผัสก๊าซพิษสารพิษ หรือ รังสี การลื่นล้ม การสัมผัสกับกระแสไฟฟ้า การถูกชน การถูกวัตถุ หนีบ ทับ หรือกระเด็นเข้าตา และการที่วัตถุตกจากลงมาจากที่สูงหรือบริเวณพื้นต่างระดับ เป็นต้น โดยเหตุการณ์ต่างๆดังกล่าวนี้ เป็นอุบัติเหตุที่ไม่เพียงแต่จะเกิดขึ้นได้เฉพาะกับผู้ที่มีประสบการณ์น้อยในการทำงานด้านอุตสาหกรรมเพียงเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดขึ้นกับผู้ที่มีประสบการณ์จากการทำงานมานานได้เช่นเดียวกัน
หมวด 1 มาตรฐานด้านความร้อนการทำงานของลูกจ้างภายในสถานที่ประกอบการ มีมาตรฐานความปลอดภัยด้านเสียงโดยพิจารณาจากระยะเวลาในการทำงาน ดังต่อไปนี้
การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยภายในสถานที่ประกอบการ เป็นมาตรการที่สามารถช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งยังสามารถช่วยลดอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่รุนแรงให้เบาลงได้ โดยในปกติการป้องกันจะเริ่มต้นควบคุมจากสภาวะแวดล้อมภายในสถานที่ประกอบการก่อน
- หมวกป้องกันศีรษะ ทำมาจากวัสดุที่มีความหลากหลายแตกต่างกัน มีคุณสมบัติแข็งแรงและสามารถป้องกันแรงกระแทกได้ ใช้สำหรับการปฏิบัติงานในงานโรงงานอุตสาหกรรมทุกประเภท เพื่อป้องกันศีรษะจากการถูกชน กระทบหรือกระแทกโดยวัตถุที่ตกมาจากที่สูง
- อุปกรณ์ป้องกันหู มีคุณสมบัติในการป้องกันหูจากเสียง ที่มีค่าความดังเกินกว่ามาตรฐานที่หูมนุษย์สามารถรับได้ ใช้สำหรับการทำงานกับเครื่องจักรกล ตัวอย่างเช่นเครื่องเจาะปูน เครื่องจักรกลอัตโนมัติ เครื่องถลุงเหล็ก และเครื่องปาดคอนกรีตที่มีขนาดใหญ่ เป็นต้น รวมทั้งใช้สำหรับการทำงานในอุตสาหกรรมต่างๆที่ควรระมัดระวังเรื่องเสียงเป็นพิเศษ ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิต อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมก่อสร้าง
- แว่นนิรภัย วัสดุที่ใช้ทำขึ้นจากกระจกนิรภัยหรือพลาสติก มีคุณสมบัติในการป้องกันสารเคมีและวัสดุแปลกปลอมกระเด็นเข้าดวงตาในขณะที่กำลังปฏิบัติงาน ซึ่งอาจส่งผลเสียแก่ดวงตาอย่างรุนแรงจนถึงขั้นตาบอดได้ แว่นตานิรภัยจึงได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในวงการอุตสาหกรรมต่างๆ ได้แก่ งานอุตสาหกรรมงานเครื่องมือ เครื่องจักรกล งานไม้ งานเชื่อมไฟฟ้า หรืองานเชื่อมแก็ส เป็นต้น
- ชุดป้องกันสารเคมี มีคุณสมบัติในการป้องกันร่างกายส่วนต่างๆของผู้ปฏิบัติงานจากความเป็นกรด สำหรับในกรณีที่ต้องดำเนินงานในพื้นที่ที่มีค่าความเป็นกรดสูง โดยการสวมใส่ชุดป้องกันสารเคมีดังกล่าวได้ถูกแบ่งระดับความรุนแรงของสารเคมีไว้ตามเกณฑ์ที่ถูกกำหนดจากสำนักบริหารการป้องสิ่งแวดล้อมแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ได้แก่ ระดับความรุนแรงตั้งแต่ขั้น A B C และ D
- หน้ากากกรองฝุ่นละออง มีคุณสมบัติในการป้องกันลมหายใจของผู้ปฏิบัติงานจากฝุ่นละอองที่สามารถก่อให้เกิดอันตรายแก่สุขภาพได้ โดยหน้ากากกรองฝุ่นละอองมีคุณภาพต่างกันไปตามชนิดของไส้กรอง ผู้ปฏิบัติงานสามารถเลือกนำไปใช้ให้เหมาะสมกับงานได้หลากหลายประเภท ตัวอย่างเช่น ใช้สำหรับการกรอง ควัน ฝุ่น ฟูมโลหะ หรือการกรองก๊าซไอระเหยที่แขวนในอากาศ เป็นต้น
- ถุงมือนิรภัย ทำขึ้นมาจากวัสดุหนังต่างๆ ได้แก่ หนังวัว หนังกวาง หนังหมู และหนังแพะ มีคุณสมบัติในการป้องกันผิวหนังบริเวณมือขณะปฏิบัติงานจากการบาดคม ความร้อน การเสียดสี ความสกปรก และการกระแทกสะเก็ดไฟ โดยถุงมือนิรภัยมีให้เลือกใช้ได้หลายประเภทแตกต่างกันไปตามรูปแบบของการทำงาน ตัวอย่างเช่น ถุงมือป้องกันงานเย็น ถุงมือป้องกันงานเชื่อม ถุงมือป้องกันงานเลื่อยด้วยมือ ถุงมือป้องกันงานเครื่องจักร และถุงมือป้องกันทั่วไป เป็นต้น
- รองเท้านิรภัย วัสดุที่ใช้ประกอบด้วยโครงเหล็ก มีคุณสมบัติในป้องกันอันตรายที่เกิดจากกระแสไฟฟ้า ป้องกันเท้าจากแรงบีบอัดและแรงกระแทกจากวัตถุที่อาจตกลงมากระแทกได้ในระหว่างปฏิบัติงาน อีกทั้งพื้นรองเท้านิรภัยยังทำขึ้นจากวัสดุที่มีคุณสมบัติในการป้องกันกรดและน้ำมัน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ปฏิบัติงานได้
- หน้ากากเชื่อม มีคุณสมบัติในการป้องกันอันตรายแก่ผู้ปฏิบัติงานจากควัน และแสงที่เกิดขึ้นจากการเชื่อมไฟฟ้า ได้แก่ การเชื่อมไฟฟ้าแบบปรับแสงได้ และการเชื่อมไฟฟ้าแบบธรรมดา
- กระบังหน้า มีคุณสมบัติในการป้องกันใบหน้าในขณะปฏิบัติงาน จากเศษโลหะและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ
- เข็มขัดนิรภัย ทำขึ้นจากวัสดุที่มีความอ่อนนุ่ม มีคุณสมบัติในการป้องกันอันตรายและช่วยเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้ปฏิบัติงานสำหรับการทำงานในบริเวณที่มีความสูง โดยจะต้องทำการติดตั้งและเกี่ยวยึดสายรัดลำตัวเข้ากับสายช่วยชีวิตเพื่อช่วยในการเฉลี่ยแรงกระชากที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้
ความสูญเสียทั้งทางร่างกายและทรัพย์สินของผู้ปฏิบัติงาน เป็นเหตุผลหนึ่งที่ส่งผลให้ทรัพยากรโดยรวมของชาติสูญเสียไปด้วย การสร้างความปลอดภัยในการทำงานจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสังคมโดยรวม
ประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัย นอกจากจะสามารถช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มกำไร และลดต้นทุนการผลิตลงให้กับผู้ประกอบการได้แล้ว การปฏิบัติงานโดยการใช้อุปกรณ์และสถานที่ที่มีความปลอดภัย ยังเป็นปัจจัยจูงใจที่สามารถสร้างความมั่นใจในการทำงานให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งสามารถรักษาทรัพยากรมนุษย์โดยรวมได้เช่นกัน
Tags: มาตรฐานของความปลอดภัย ภายในโรงงานอุตสาหกรรม ของประเทศไทย